วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556



ชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน 
การฟื้นฟูจิตใจครูคำสอนก่อนเข้ารับปริญญาบัตร
ในวันที่ 9 ธันวาคม 2012 ณ วิทยาลัยแสงธรรม

จุดประสงค์
ประสบการณ์การเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจนี้เปิดโอกาสให้ครูคำสอนได้ไตร่ตรอง หรือทบทวนชีวิตฝ่ายจิตของตนเองโดยใช้พระคัมภีร์ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแห่งชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน ครูคำสอนจะได้ใช้พระคัมภีร์เพื่อช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจซึ้งถึงวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระคริสต์เจ้าเพื่อที่จะได้ปฏิบัติพันธกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเข้าเงียบครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
อุปกรณ์
o พระคัมภีร์สำหรับผู้นำและสมาชิกทุกคน
o เทียน
o โต๊ะและเก้าอี้(ถ้าจัดการเข้าเงียบในห้อง)
o เครื่องเล่น CD และแผ่นเสียงบทเพลงศักดิ์สิทธิ์
o ชีทเพลง
o ปากกาหรือดินสอ
o ใบงานให้สมาชิกแต่ละคน

ขั้นเตรียม
o จัดโต๊ะภาวนาโดยใช้ผ้าคลุมที่มีสีตามเทศกาล บนโต๊ะให้จัดพระคัมภีร์ เทียนคู่หนึ่ง และสิ่งของที่แต่ละคนจะใช้เพื่อการไตร่ตรองในกลุ่มของตน
o เตรียมบทเพลงบรรเลงเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการภาวนาเมื่อสมาชิกมาถึง
o เตรียมเครื่องดื่มหรือของว่างเล็กๆน้อยๆถ้าสมาชิกมาโดยตรงจากบ้านโดยที่ยังไม่มีอะไรรองท้องมาก่อน
o เตรียมพระคัมภีร์เป็นเล่มหรือคัดเลือกออกมาพิมพ์เป็นชีทเพื่อแจกสมาชิก และใบงานเพื่อการไตร่ตรอง

กำหนดการ
o การต้อนรับและภาวนาเปิด(10 นาที)
o การนำเสนอครั้งที่ 1 : ข้อแนะนำเพื่อการทำ Meditation (30 นาที)
o การนำเสนอครั้งที่ 2 : การไตร่ตรองเรื่องกระแสเรียกการเป็นครูคำสอน (30 นาที)
o พัก(10 นาที)
o การนำเสนอครั้งที่ 3 : การไตร่ตรองเรื่องการเจริญเติบโตชีวิตฝ่ายจิตของแต่ละบุคคล (30 นาที)
o ภาวนาปิด (10 นาที)

การต้อนรับและการภาวนาเปิด (10 นาที)
ขณะที่ครูคำสอนเดินทางมาถึง ให้เชิญพวกเขาเข้าสู่ห้องเข้าเงียบ ซึ่งควรจัดให้เป็นแบบวงกลม เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วให้มีการแนะนำตนเอง หรือพูดคุยสนทนาอย่างเป็นกันเองต่อกันและกัน เมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ให้ผู้นำเริ่มการเข้าเงียบดังนี้
ผู้นำ:  ขอบคุณทุกๆคนที่ได้ตอบรับการเชื้อเชิญให้มาเข้าเงียบพร้อมกันในวันนี้ บทบาทของครูแต่ละคนนั้น ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้มาเป็น “ผู้ประกาศข่าวดีของพระเจ้า” หรือที่เราเรียกกันว่า “ครูคำสอน” ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เราจะได้มีโอกาสทบทวนความหมายของคำว่า “ผู้ประกาศของพระคริสต์” ซึ่งเราจะได้ทบทวนในเชิงลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวของเราแต่ละคนกับพระเยซูเจ้า และจะได้มีโอกาสพูดคุยแบ่งปันความคิดเห็นต่อกันและกันถึงวิธีที่จะทำให้ตัวของเราแต่ละคนได้กลับไปทำหน้าที่หรือศาสนบริการที่พระเจ้ามอบหมายให้นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ให้เราเริ่มการเข้าเงียบของเราด้วยการภาวนา
เดชะพระนามพระบิดา . . . (ทุกคนทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน)
ให้เราใช้เวลาเงียบๆสักครู่หนึ่งอยู่กับความรักของพระเจ้าที่ห้อมล้อมตัวของเราอยู่ในขณะนี้
(ให้ทุกคนสงบนิ่ง ผู้นำอาจจะเปิดเพลงบรรเลงเบาๆสร้างบรรยากาศที่ดีได้)
ให้จุดเทียนที่ได้จัดเตรียมไว้บนโต๊ะ จากนั้นให้ภาวนาดังต่อไปนี้
ผู้นำ:         เทียนที่ถูกจุดขึ้นนี้ เตือนใจเราทุกคนให้ระลึกถึงลิ้นไฟและความร้อนร้นในวันพระจิตเสด็จลงมา ซึ่งเราแต่ละคนได้ถูกจุดขึ้นในหัวใจของเราแต่ละคนขณะที่เราได้รับศีลล้างบาป ขอให้ความรักของพระจิตเจ้าช่วยเผาผลาญหัวใจของพวกลูกให้ร้อนร้นด้วยความปรารถนาที่จะเข้ามีส่วนร่วมในความรักของพระเจ้าและมีความรักต่อกันและกัน
ให้ขับร้องเพลงที่เหมาะสม 1 บทเพลง
……………………
เมื่อร้องเพลงเสร็จแล้ว ให้ภาวนาวอนขอดังนี้
ผู้นำ :  ให้เราร่วมใจกันภาวนา โดยถวายความตั้งใจและเอาจริงเอาจังต่อพระพักตร์พระเจ้า ผู้ทรงสัญญาว่าจะประทับอยู่กับและจะทรงสดับฟังคำภาวนาของ ขอให้เราภาวนาพร้อมกันว่า : “โปรดสดับฟังเถิดพระเจ้าข้า”
ทุกคนภาวนาพร้อมกัน : ลูกวางใจในพระองค์พระเจ้าข้า
ผู้นำ : ให้เราภาวนาเพื่อผู้ที่กำลังรับใช้พระเจ้าทั่วโลก ให้เราภาวนา
1. เพื่อครูคำสอนที่ต้องได้รับความทุกข์ยากลำบากในรูปแบบต่างๆ ให้เราภาวนา
2. เพื่อผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงเพราะการกระทำหน้าที่ครูคำสอน ให้เราภาวนา
3. เพื่อนักเรียนและผู้ที่กำลังเรียนคำสอนทุกคน ให้เราภาวนา
4. เพื่อบุคคลที่กำลังตัดสินใจที่จะเข้ามาเรียนคำสอน ให้เราภาวนา
5. เพื่อผู้ใหญ่ทุกฐานันดรในพระศาสนจักร ให้เราภาวนา
6.  ให้เวลาเพื่อสมาชิกจะได้ร่วมถวายคำภาวนาพิเศษของแต่ละคน
ให้เราภาวนา ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงพระทัยดี พวกลูกมาพร้อมใจกันในวันนี้ เพื่อวอนขอพระพรแห่งความรักและความซื่อสัตย์ ขอพระองค์โปรดส่งพระจิตของพระองค์ให้เสด็จเข้ามาใจจิตใจของลูก เพื่อให้ลูกสามารถปฏิบัติพันธกิจที่พระองค์ประทานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเถิด พวกลูกวอนขอทั้งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย อาแมน

การนำเสนอ 1 : ข้อแนะนำเพื่อ Meditation (30 นาที)
ให้เริ่มการไตร่ตรองด้วยถ้อยคำเหล่านี้หรือในทำนองนี้
ผู้นำ  :  ในขณะนี้ เราได้นั่งรอบๆพระคัมภีร์ พระวาจาของพระเจ้า เรามาจากสถานที่ที่แตกต่างกัน แต่ละคนมีความรักต่อพระเยซูเจ้าในรูปแบบที่เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกัน หรือมีร่วมกันก็คือ ไม่ว่าเราจะมีมูลเหตุหรือที่ไปที่มาอย่างไร เราก็ต่างได้รับพระพรจากพระจิตเจ้า ที่ทรงเชื้อเชิญเราให้มาเป็นครูคำสอนในปีนี้
พระเยซูเจ้าทรงรวบรวมบุคคลต่างๆให้มาเป็นศิษย์ของพระองค์ พระองค์ทรงมอบหมายพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ให้พวกเขา ทรงส่งพวกเขาให้ออกไปทั่วโลก และทรงสัญญาว่าจะประทับอยู่กับพวกเขาตลอดไป ให้เราได้รับฟังเหตุการณ์นี้อีกครั้งหนึ่ง และรอฟังว่าพระเยซูเจ้าจะตรัสอะไรกับเราในวันนี้บ้าง
ให้อ่าน มัทธิว 28:16-20. โดยให้หยุดเป็นระยะๆ เมื่อจบแล้วให้เริ่มการรำพึงตามนี้อย่างช้าๆ ในแต่ละคำถามให้หยุดนิ่งสั้นๆชั่วขณะ เพื่อให้ครูคำสอนได้มีเวลาไตร่ตรอง
ให้เราหลับตาและสร้างจินตนาการโดยนำตัวของท่านเองเข้าไปอยู่ร่วมกับสาวก “สิบเอ็ดคน” ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังภูเขา ในแคว้นคาลิลี เนื่องจากพระเยซูเจ้าทรงวอนขอให้ท่านทุกคนเข้ามาเพื่อพระองค์จะได้กล่าวคำอำลา.....ลองคิดดูซิว่าท่านกำลังเดินไปกับใครบ้าง
มีใครเดินเคียงข้างท่านบ้าง.....ระหว่าที่เดินทางอยู่นั้น ท่านได้ยินเสียงอะไรบ้าง...ท่านเห็นใครบ้างในระหว่างทาง....
อากาศในวันนี้เป็นอย่างไร ร้อนไหม....เพื่อนสาวกที่เดินมาด้วยนั้นรู้สึกอย่างไรต่อการมาเฝ้าพระเยซูเจ้าในครั้งนี้.....แล้วตัวท่านเองล่ะคิดอย่างไรกับการมาเฝ้าพระเยซูเจ้าในครั้งนี้
ที่สุดท่านกับเพื่อนก็ได้เดินทางมาถึง พระเยซูเจ้ากำลังรอคอยท่านอยู่ที่นั้น...ท่านลองฟังเสียงของเพื่อนๆที่ทักทายพระองค์ดูซิ...พวกเขาทักทายพระองค์อย่างไร....แล้วพระองค์ทรงยืนขึ้นเดินมาหาพวกท่าน...พระองค์มายืนต่อหน้าท่านแล้ว...พระองค์สัมผัสไหล่ของท่าน...ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง...
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวกับทุกๆคนว่า “พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน แล้วจงรู้ไว้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”
ดู...เปโตรและยอห์นซิ พวกเขาทั้งสองมีปฏิกิริยาต่อพระบัญชาของพระเยซูเจ้าอย่างไร
เมื่อท่านมองไปที่พระเยซูเจ้า...พระองค์กำลังจ้องมองท่านอยู่ ท่านเองได้ยินพระวาจาของพระองค์ที่ว่า “เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไป” ท่านรู้สึกอย่างไร.......
คำพูดของพระองค์ “จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน” มีความหมายอย่างไรต่อตัวท่าน
จงใช้เวลานี้เพื่อพูดกับพระองค์บ้าง....ให้ท่านวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อท่านจะได้ทำหน้าที่ครูคำสอนได้อย่างดี ทั้งในเวลานี้และในปีต่อๆไป...ให้ท่านได้หยุดฟังเสียงของพระองค์ในใจของท่านสักครู่หนึ่ง            

ให้เวลาครูคำสอนเพื่อไตร่ตรองสักครู่หนึ่ง (5 นาที)
เมื่อเสร็จแล้ว ให้ทุกคนลืมตา
จากนั้นให้มีการแบ่งปันกันในกลุ่ม ซึ่งผู้นำอาจจะจัดแบ่งกลุ่มตามจำนวนของผู้เข้าร่วมการเข้าเงียบ ในการแบ่งกลุ่มเพื่อการแบ่งปันนั้น ควรจะมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 3-4 คน ไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป
หัวข้อเพื่อการแบ่งปัน
o ขณะที่กำลังเดินขึ้นไปบนภูเขา ท่านคิดว่าท่านเป็นเหมือนสาวกคนไหน
o ขณะที่เดินอยู่นั้น ท่านเดินใกล้ใครมากที่สุด
o ท่านคุยกับสาวกคนนั้นในเรื่องอะไรบ้าง
o เมื่อพบพระเยซูเจ้าแล้ว ท่านรู้สึกอย่างไร และพระเยซูเจ้าได้พูดอะไรกับท่าน แล้วท่านเองอยากให้พระเยซูเจ้าพูดอะไรกับท่าน
o บรรดาอัครสาวกมีความรู้สึกอย่างไรต่อพระบัญชาของพระเยซูเจ้า
การนำเสนอ 2 : การไตร่ตรองเรื่องกระแสเรียกการเป็นครูคำสอน (30 นาที)
ให้เริ่มการไตร่ตรองกระแสเรียกครูคำสอนด้วยการเกริ่นนำดังนี้
ผู้นำ  :  พระเยซูเจ้าทรงมีพระบัญชาให้เราแต่ละคนได้ออกไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราตลอดไป พระองค์ประทานพระจิตเจ้าให้สถิตกับเราโดยผ่านทางศีลล้างบาปและศีลกำลัง พระเยซูเจ้าทรงหล่อเลี้ยงเราด้วยพระกายของพระองค์เองในศีลมหาสนิท พระองค์ทรงเรียกท่านแต่ละคนให้มาเป็นประจักษ์พยานของพระองค์ในหน้าที่การเป็นครูคำสอนในปีนี้
ท่านได้ตอบสอนต่อเสียงเรียกของพระองค์อย่างไร ท่านได้เตรียมตัวเพื่อการสอนคำสอนอย่างไร ท่านได้สำนึกตนอยู่เสมอว่า ท่านกำลังทำงานรับใช้พระเจ้า กระทำหน้าที่ในพระนามของพระองค์
เชิญชวนครูคำสอนให้ทำการไตร่ตรองกระแสเรียกการเป็นครูคำสอน จากใบงาน “ชีวิตจิตครูคำสอน” โดยเขียนตอบลงในใบงานที่แจกให้ ใช้เวลาเพื่อกิจกรรมนี้ 15 นาที เมื่อเสร็จแล้วให้สมาชิกแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดต่อกันและกัน
พัก (10 นาที)
การนำเสนอ 3 : การไตร่ตรองเรื่องการเจริญเติบโตชีวิตฝ่ายจิตส่วนบุคคล (30 นาที)
ให้เริ่มการไตร่ตรองด้วยการเกริ่นนำในทำนองนี้
ผู้นำ :  พวกเราได้คิดไตร่ตรองถึงกระแสเรียกการเป็นครูคำสอนของเราจากพระคัมภีร์แล้ว นอกจากนั้นเรายังได้ไตร่ตรองถึงชีวิตฝ่ายจิตของเราอีกด้วย ชีวิตฝ่ายจิตนี้แหละที่จะทำให้เราสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นหรือที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ดังนั้นโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนพวกเราได้ใช้เวลาไตร่ตรอง “ชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน(2)” และอภิปรายกันแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดต่อกันและกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กัน และยังเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ครูคำสอนของเราต่อไป
ให้ผู้นำ เชิญครูคำสอนได้ใช้เวลาไตร่ตรองจากใบงานที่แจกให้  ในขณะที่ทุกคนไตร่ตรองอยู่นั้น ผู้นำอาจจะเปิดเพลงบรรเลงเพื่อสร้างบรรยากาศได้
ภาวนาปิด (10 นาที)
ให้สรุปการเข้าเงียบด้วยบทภาวนาดังต่อไปนี้ (ให้หยุดในแต่ละประโยคเพื่อให้เวลาครูคำสอนเพื่อการไตร่ตรองด้วย)
ผู้นำ :  ก่อนที่เราจะจบการเข้าเงียบของเราในครั้งนี้ ให้เราได้ใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อประเมินตนเองถึงประโยชน์ของการใช้เวลาอยู่กับพระองค์ในเวลาสั้นๆนี้ .....ท่านได้เรียนรู้อะไรจากการเข้าเงียบในครั้งนี้บ้าง.....ท่านรู้สึกอย่างไรกับหน้าที่การเป็นครูคำสอนของท่าน....ท่านคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ชีวิตการเป็นครูคำสอนของท่านได้รับใช้พระเจ้าได้ดียิ่งๆขึ้น......
ให้เราได้วอนขอความช่วยเหลือและพละกำลังจากพระเจ้า เพื่อช่วยให้เราได้ปฏิบัติหน้าที่ของเราด้วยความซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพ......(ให้เวลาเงียบสักครู่หนึ่ง)
ให้เลือกบทเพลงที่สร้างกำลังใจบทเพลงหนึ่งขับร้องพร้อมกัน
ผู้นำ :  ขอให้กลับไปด้วยพระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้งานของเราบังเกิดผลตามน้ำพระทัยของพระองค์ ทั้งนี้โดยอาศัยพระหรรษทานจากองค์พระบิดาเจ้า ผู้ทรงดำรงชีพร่วมกับพระบุตรและพระจิต ตลอดนิรันดร อาแมน
ชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน(1)
การไตร่ตรองการทรงเรียกของพระเจ้าที่เชิญเราให้ร่วมงานกับพระองค์ในครูคำสอน
ชีวิตจิตของครูคำสอน : ความจำเป็นและลักษณะของชีวิตจิตสำหรับครูคำสอน
ครูคำสอนต้องมีชีวิตจิตลึกซึ้ง นั่นคือ พวกเขาต้องเจริญชีวิตอยู่ในพระจิต ซึ่งจะช่วยให้เขาฟื้นฟูตัวเองอย่างต่อเนื่องตามเอกลักษณ์เฉพาะของตนกระแสเรียกและงานธรรมทูตกระตุ้นให้ครูคำสอนต้องการมีชีวิตจิต เพราะฉะนั้น แรงจูงใจแบบใหม่และพิเศษคือ การเรียกไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์.......
ชีวิตจิตครูคำสอนเกี่ยวเนื่องอยากใกล้ชิดกับสถานภาพของเขาในฐานะฆราวาสแพร่ธรรม ทำให้เป็นผู้มีส่วนร่วมในระดับของเขาเอง ในการกระทำที่เยี่ยงประกาศก สงฆ์ และกษัตริย์ของพระคริสต์ ในฐานะที่เป็นสมาชิกของกลุ่มฆราวาส ครูคำสอนเกี่ยวข้องกับโลก “ตามสภาพของแต่ละคน ข้อผูกมัดพิเศษที่จะใช้จิตตารมณ์แห่งพระวรสารในการจัดระเบียบสิ่งของชั่วคราวต่างๆ ให้กับความไพบูลย์และแพร่จิตตารมณ์ไปทั่วโลกด้วยวิธีนี้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครูคำสอนจึงเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสต์ในขณะที่ส่งเสริมงานของโลกและทำงานของโลกได้”
(คู่มือครูคำสอน : GIUDE FOR CATECHISTS ข้อ 6)

คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
ฉันรู้สึกอย่างไรที่ได้รับเรียกให้มาเป็นครูคำสอนในปีนี้
ฉันได้เข้าร่วมการนมัสการพระเจ้าในพิธีกรรมและกิจกรรมต่างๆของพระศาสนจักรอย่างไร
ฉันได้เข้าร่วมพิธีมิสซาฯในวันอาทิตย์เป็นประจำหรือไม่
ฉันได้ตระหนักถึงถ้อยคำสุดท้ายในพิธีมิสซาฯที่ว่า “พิธีมิสซาของพระคุณจบแล้ว จงไปในสันติ” หรือ “พิธีมิสซาขอบพระคุณจบแล้ว จงปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าเถิด”
ฉันได้เตรียมตัวในการสอนคำสอนอย่างดีหรือไม่
ฉันควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้การสอนคำสอนดีขึ้นกว่าเดิม

ชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน(2)
การไตร่ตรองการทรงเรียกของพระเจ้าที่เชิญเราให้ร่วมงานกับพระองค์ในครูคำสอน
คุณลักษณะชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอน
ชีวิตฝ่ายจิตของครูคำสอนควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
ความรักต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิต รวมถึงผู้ศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ดำรงชีวิตด้วยความเชื่อศรัทธาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ ด้วยการปฏิบัติตามคุณธรรมแห่งความรัก ความหวัง ความเพียรทน และด้วยความยินดี
จัดเวลาเพื่อการภาวนาส่วนตัว และอุทิศตนเพื่องานการประกาศข่าวดีของพระศาสนจักร
มีความร้อนร้นในการแพร่ธรรม ประกาศข่าวดีแห่งความเชื่อด้วยความกระตือรือร้น
เข้ามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในงานของวัด/โรงเรียนที่สังกัด โดยเฉพาะการเข้าร่วมในพิธีมิสซาขอบพระคุณพระเจ้า
มีความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์ ซึ่งเป็นศิษย์คนแรกและรูปแบบของครูคำสอน และศรัทธาต่อศีลมหาสนิทซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตจิตครูคำสอน

คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
คุณลักษณะฝ่ายจิตที่ฉันมีโดดเด่นที่สุดคืออะไร และทำไมจึงคิดเช่นนั้น
คุณลักษณะใดที่ท้าทายให้ฉันต้องพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในการทำงานต่อไป
ทำไมคุณลักษณะเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อการทำพันธกิจของครูคำสอน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น