วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556


การให้การอบรม ครูคำสอนประจำวัด (Parish Catechists)

การเป็นผู้นำ
·       ผู้นำคือใคร
·       ท่านนำใครและทำไมต้องนำเขา
·       อำนาจการเป็นผู้นำเป็นของใคร
·       ใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับงานของท่าน

ไม่ว่าท่านจะได้รับการขอร้องให้เป็นครูคำสอนสำหรับเด็ก เยาวชน หรือสอนผู้ใหญ่ ท่านก็ถือว่าเป็น “ผู้นำ” ของชุมชนหรือวัดของท่าน
ท่านคิดว่าท่านเกิดมาเป็นผู้นำเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือท่านคิดว่าตัวท่านเองยังมีอะไรที่จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการเป็นผู้นำเพิ่มเติมอีกหรือไม่
บางทีท่านอาจจะไม่ได้คิดว่าเมื่อท่านสอนผู้อื่นนั้น ท่านเองกำลังเป็นผู้เรียน หรือเป็นคนหนึ่งที่รวมภาวนา หรือเป็นเพื่อนร่วมทางแห่งความเชื่อ หรือเป็นประกาศกผู้ที่พูดเพื่อพระเจ้าคนหนึ่งก็ได้
คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
ถามตัวท่านเองซิว่า ท่านเป็นครูคำสอนแบบไหน จุดเด่นในการทำหน้าที่ของท่านมีอะไรบ้าง
___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ท่านทำหน้าที่สอนคำสอนในนามของใคร ตัวท่านเอง ผู้บังคับบัญชา พระสังฆราช พระศาสนจักร
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ถ้าท่านพบพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ท่านจะพูดกับพระเจ้าอย่างไรถึงเรื่องการสอนคำสอนของท่าน
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
การเป็นครูคำสอนเป็นกระแสเรียกที่องค์พระจิตเจ้าทรงเรียกท่านมาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ พระองค์ทรงสดับฟังคำภาวนาของท่านและประทานพละกำลังให้แก่ท่านในการทำหน้าที่นี้ การภาวนาช่วยให้ท่านเกิดสันติสุข เกิดความเชื่อมั่น และเกิดพลังในยามที่ท่านประสบกับความยุ่งยากลำบากในชีวิตประจำวัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะทำให้ชีวิตภาวนาของท่านดีขึ้นได้อย่างไร
____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ขอให้ท่านพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการทำให้ชีวิตภาวนาของท่านก้าวหน้าขึ้น 4 ขั้นตอน ดังนี้
1.             เลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับท่านในการภาวนา บางคนสามารถภาวนาได้ขณะที่เดินทาง หรือภาวนาได้ทุกสถานที่ แต่อย่างไรก็ดี ถ้าเราต้องการภาวนาโดยไม่มีอะไรมารบกวน เราควรหาสถานที่เงียบๆส่วนตัวเพื่อภาวนา.
2.             เลือกเวลาที่ดีที่สุดของแต่ละวันเพื่อการภาวนา โดยกำหนดเวลาที่แน่นอน
3.             เลือกท่าทางในการภาวนาที่เหมาะสมกับตัวของท่าน บางคนภาวนาได้ดีเมื่อคุกเข่า บางคนอาจจะนั่งบนเก้าอี้ที่สบายๆ
4.             สร้างบรรยากาศที่ดีในการภาวนา ผ่อนคลาย ไม่เครียด รักษาระบบหายใจให้สม่ำเสมอ สงบเงียบ สัมผัสกับพระเจ้าภายใจจิตใจ รับฟังเสียงของพระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่ในจิตวิญญาณของเรา เพราะเราทุกคนต่างเป็นพระวิหารของพระเจ้า (1 โครินธ์ 6:19)
หน้าที่ของครูคำสอนคืออะไร
·        การรับใช้
·        ศาสนบริการบุคคลที่ได้รับการมอบหมายให้ปฏิบัติงานในนามของพระศาสนจักร
·        ฆราวาส หรือ ผู้ที่ได้รับศีลบวช
“ศาสนบริการ” ต่างกับ “อาชีพ” อย่างสิ้นเชิง เราต้องแยกงานทั้งสองออกให้ชัด ศาสนบริการเป็นกระแสเรียกที่ได้รับการเรียกจากพระเจ้า ส่วนอาชีพเป็นงานที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนด้วยความพยามของตนเอง งานทั้งสองไม่อาจนำมาสลับผลัดเปลี่ยนกันได้ เพราะศาสนบริการเป็นพระพรที่เกี่ยวข้องกับพระหรรษทานหรือการช่วยเหลือจากพระเจ้าซึ่งประทานให้กับเราในการทำหน้าที่เพื่อทำการประกาศข่าวดี
ในศาสนบริการและการรับใช้ที่พระศาสนจักรได้กระทำในสังคมเพื่อการประกาศข่าวดีนั้น ศาสน บริการด้านคำสอนนับได้ว่าเป็นงานที่โดดเด่นและมีความสำคัญ งานคำสอนเป็นงานพื้นฐานของพระศาสนจักรที่จะช่วยทำให้พระศาสนจักรมีชีวิตชีวาและเติบโต(เทียบ CT, 15) ดังนั้น พระสังฆราช พระสงฆ์ สังฆนุกร บิดามารดา นักบวชชายหญิง ฆราวาส และชุมชนคริสตชนคาทอลิกทุกคนต่างมีบทบาทหน้าที่ในศาสนบริการนี้ โดยอาศัยบุคคลเหล่านี้ พระวาจาของพระเจ้าและคำสอนของพระศาสนจักรได้รับการเผยแพร่ออกไปและเป็นประจักษ์พยานให้กับทุกคนจากชนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งตลอดไป (เทียบ ประมวลกฎหมายพระศาสนจักร มาตรา 773….)
การสอนคำสอนคืออะไร
·        เป็นงานที่สำคัญประการหนึ่งของพระศาสนจักร (GDC, 78) เพราะพระศาสนจักรได้ปฏิบัติสืบทอดจากพันธกิจของพระเยซูคริสต์
·        เป็นงานหนึ่งในกระบวนการสืบทอดความเชื่อคาทอลิกของพระศาสนจักรที่มีชีวิตชีวา (GCD, 13)
·        เป็นการแบ่งปัน/การสอนความเชื่อที่เป็นระบบตามอำนาจการสั่งสอนของพระศาสนจักร(เทียบ CT, 21)
·        การสอนคำสอนต้องเกี่ยวพันอย่างแน่นแฟ้นกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับพิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์ (GDC, 30)
·        การสอนคำสอน(ที่)ช่วยเพิ่มความเข้าใจในความเชื่อ และทำให้ความเชื่อมั่นคงขึ้น (จะ)ช่วยพัฒนาชีวิตหนึ่งให้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับพระจิตของพระคริสต์ กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมด้วยใจสมัครและร้อนร้นศรัทธาในการฉลองพระธรรมล้ำลึกในพิธีกรรม และสนับสนุนให้มนุษย์ทั้งหลายมีส่วนร่วมในงานธรรมทูตอย่างกระตือรือร้น(GDC, 84)
·        การทำให้มนุษย์ได้รู้จักพระคริสตเจ้าโดยผ่านทางการสอนของพระองค์ที่ทรงได้มอบหมายให้กับพระศาสนจักร
·        การสอนคำสอนคือมารดาที่นำลูกของตนไปเข้านอนพร้อมกับการหอมแก้มและการทำเครื่องหมายกางเขนให้
·        การสอนคำสอนคือการที่พระสงฆ์ นักบวชได้ให้เวลาเพื่อการให้ความรู้และการแนะนำฝ่ายจิตให้กับบุคคลที่มีความต้องการ
·        การมาร่วมตัวกันของคริสตชนเพื่อไตร่ตรองถึงความหมายของบทอ่านประจำวันอาทิตย์
·        การรวมตัวของเด็กๆที่เรียนคำสอนเพื่อจัดเตรียมพวงมาลาในเทศกาลมหาพรต
·        เป็นการศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกัน.
·        เป็นการรวมตัวกันของผู้ศรัทธาเพื่อเฝ้าศีลมหาสนิทในเวลาพิเศษ นอกเหนือจากพิธีมิสซาฯ
·        การเตรียมตัวเด็กเพื่อการรับศีลมหาสินทครั้งแรก
·        การเตรียมคู่แต่งงาน
·        การที่คู่รักทำเครื่องหมายกางเขนก่อนการรับทานอาหารที่ภัตตาคาร
·        ฯลฯ
·        การเรียนคำสอนเป็นกิจการทุกอย่าง เป็นกิจการที่เราสามารถทำได้เป็นการส่วนตัว ครอบครัว และชุมชนวัด ซึ่งเป็นการช่วยบำรุงหล่อเลี้ยงความเชื่อศรัทธา
สมาชิกอาจจะใช้เวลาเพื่อแบ่งปันความคิดและประสบการณ์ถึงความหมายของคำสอนและงานที่ครูคำสอนกระทำกับเพื่อนๆที่อยู่ใกล้ๆ
__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
การไตร่ตรองจากพระคัมภีร์
เชิญอ่าน มัทธิว 28:18-20
-          พระเยซูเจ้าทรงมีคำสั่งแก่เราในฐานะที่เป็นสานุศิษย์ของพระองค์
-          พระองค์ทรงบอกเราว่าทำไมเราต้องปฏิบัติ เราต้องปฏิบัติอะไร และปฏิบัติอย่างไร
-          พระองค์ทรงยืนยันกับเราว่าพระองค์จะไม่ให้เราทำของพระองค์แต่เพียงลำพัง
-          ถ้าเราไว้วางใจ เราจะต้องนบนอบพระองค์
ท่านควรวิเคราะห์ข้อความสำคัญนี้ออกเป็นประโยคต่อประโยค เพราะข้อความตอนนี้เป็นหัวใจของศาสนบริการด้านคำสอน คำสั่งนี้จะต้องถูกนำปฏิบัติอย่างจริงจัง นี้ไม่ใช่แค่คำแนะนำ แต่เป็นคำสั่งสำหรับผู้ที่ได้ศีลล้างบาปแล้วทุกคน
ข้อความจากพระคัมภีร์ตอนนี้มีความหมายต่อชีวิตของท่านอย่างไร _______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ครูคำสอนคือใคร
เชิญอ่าน ลูกา 5:1-11 และ มัทธิว 28:18-20
คริสตชนที่ได้รับศีลล้างบาปแล้วทุกคนถูกเรียกให้เผยแผ่ข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า นั้นก็คือ ได้รับการเรียกให้เป็นครูคำสอนนั้นเอง ส่วนการจะตอบรับกระแสเรียกนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน และความมุ่งมั่นที่จะอุทิศตัวของเราอย่างไร
“ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมากแต่คนงานมีน้อย” ท่านคุ้นเคยกับคำๆนี้ไหม
เชิญอ่าน มัทธิว 9:37-38
ท่านเป็นคนงานที่ถูกส่งออกไปทำงานโดยพระจิตเจ้าเพื่อจะได้เก็บเกี่ยวข้าวที่มีอยู่เต็มท้องทุ่ง
ท่านพร้อมแล้วหรือยัง ?????????
ทำไมจึงต้องมีการสอนคำสอน
ณ หัวใจของการสอนคำสอน ก็คือ วิธีการที่ชุมชนคริสตชนเสริมกำลังให้สมาชิกของตนเอง ให้รู้จัก( to know) รัก (to love) และรับใช้(to serve) องค์พระผู้เป็นเจ้า หมายความว่า ครูคำสอนและผู้เรียนคำสอนจะต้องให้เวลาเพื่อไตร่ตรองว่าพระเจ้าทรงเรียกให้เรามา รู้จัก รัก และรับใช้พระองค์ ในเวลาและสถานที่เฉพาะที่เราอยู่นี้ได้อย่างไร เราคิดถึงพระวาจาของพระเจ้าในเรื่องที่นักบุญลูกาพูดถึงการทำงานแพร่ธรรมใน ลูกา 10:1-24 
พระเยซูเจ้าทรงส่งสานุศิษย์ออกไปเป็นคู่ๆ ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงโดยการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันของพวกเขา และเพื่อเป็นนำความรักและสันติสุขของพระเจ้าไปมอบให้กับคนอื่น ท่านเองอาจจะไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ออกไปทำงานเป็นคู่ๆ แต่ท่านเองสามารถที่จะพูดคุยกับผู้เรียนของท่านเพื่อจะได้แสวงหาวิธีที่จะรู้จัก รัก และรับใช้พระเจ้าในชีวิตประจำวันด้วยบริบทที่ท่านดำรงชีวิตอยู่
เพื่อรู้จักพระเจ้า
เพื่อรักพระเจ้า
เพื่อรับใช้พระเจ้า
หัวใจของเราจะไม่ได้พักจนกว่าจะได้พำนักอยู่กับพระองค์
St. ออกุสติน
ทุกอนูของชีวิตของเรามีพื้นที่ว่างสำหรับผู้อื่นเสมอ

เรามองไปรอบๆตัวเราเพื่อจะได้รับใช้ผู้อื่น

เชิญอ่าน มัทธิว 25:31-40
เราจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร
เชิญใช้เวลาเพื่อไตร่ตรองข้อความจากพระคัมภีร์ตอนนี้และบันทึกความรู้สึกที่เกิดขึ้น
_______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ก้าวต่อไปให้ลึกขึ้น
ศึกษาข้ออ้างอิงต่อไปนี้
โปรดอ่านด้วยความตั้งใจและไตร่ตรองข้อความแต่ละข้ออย่างละเอียด
จงสอนเหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
·       การศึกษาอบรมแบบคาทอลิก คือ การปฏิบัติพันธกิจตามที่พระเยซูคริสต์ทางมอบหมายให้แก่พระศาสนจักรที่พระองค์ทรงก่อตั้งขึ้น โดยอาศัยการศึกษาอบรม พระศาสนจักรได้แสวงหาวิธีการที่จะตระเตรียมสมาชิกของตนเพื่อทำการประกาศข่าวดีและแปลการประกาศข่าวดีนี้ให้ออกมาเป็นกิจกรรม
ท่านจะช่วยให้เป้าหมายนี้บรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร
__________________________________________________________________________
__________________________________________________________________________
จงสอนเหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงสอน.
·       พันธกิจของพระศาสนจักรเป็นงานที่ผสมผสานระหว่างงานหลัก 3 ประการ คือ การประกาศข่าวดีที่พระเจ้าทรงเผยแสดง (Didache) การดำเนินชีวิตในชุมชนคริสตน (Koinonia) และการรับใช้ชุมชน คริสตชนและมวลมนุษย์ชาติ (Diakonia). แม้ว่าทั้งสามพันธกิจหรือสามมิติของงานพระศาสนจักรจะแยกจากกันตามหลักวิชาการ แต่ทั้งหมดคืองานที่เป็นการรับใช้ของพระศาสนจักรด้วยกัน
ท่านคิดว่าท่านกำลังทำงานรับใช้พระเจ้าในมิติหรือด้านใด ท่านสามารถประยุกต์ข้อความจาก ประโยคข้างต้นนี้กับชีวิตของท่านได้อย่างไร
__________________________________________________________________________
__________________________________________________________________________
คู่มือครูคำสอน ข้อ 8
·        งานของครูคำสอนเกี่ยวกับบุคคลทั้งครบของครูคำสอน ก่อนที่พวกเขาจะเทศน์สอนพระวาจา พวกเขาต้องทำให้พระวาจาเป็นของเขาเองและดำเนินชีวิตด้วยพระวาจา
ท่านได้ดำเนินชีวิตด้วยพระวาจาอย่างไร พระวาจาตอนไหนที่เป็นแรงบันดาลให้กับชีวิตของท่าน
__________________________________________________________________________
__________________________________________________________________________
__________________________________________________________________________
คู่มือแนะแนวทั่วไปสำหรับการสอนคำสอน (GDC, 234.)
·       “งานอภิบาลในรูปแบบใดๆก็ตามจะไม่อาจเกิดผลดีใดๆได้เลยหากไม่อาศัยบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมและมีความสามารถที่แท้จริง...การฝึกอบรมครูคำสอน...ไม่อาจละเลยเรื่องที่สำคัญต่างๆเช่น การปรับเนื้อหาเอกสารต่างๆให้ทันสมัยขึ้น การจัดระบบการสอนในรูปแบบใหม่”
คู่มือครูคำสอน (เทียบ คู่มือครูคำสอน ข้อ 6)
·       ครูคำสอนได้รับการเรียกร้องให้พัฒนาความเชื่อของตนอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลครูคำสอนถูกเรียนร้องให้มีการพัฒนาชีวิตจิตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากชีวิตฝายจิตแล้ว ครูคำสอนจำเป็นต้องรู้จักศาสตร์การสอนและการฝึกอบรมต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมต่างๆ นี้หมายความว่าครูคำสอนจะต้องได้รับการฝึกอบรมที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ ท่านคิดว่าท่านการเข้ารับฝึกอบรมในเรื่องคำสอนในโอกาสต่างๆเป็นเรื่องที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อตัวของท่านมากน้อยแค่ไหน
__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
สรุปการไตร่ตรองของเราในครั้งนี้
การสอนคำสอนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
·        ความเชื่อศรัทธา
·        การฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ
·        การส่งเสริมสนับสนุนความเชื่อ
·        การเติบโตของชีวิตฝ่ายจิต
·        การพัฒนาทักษะ
·        การเป็นประจักษ์พยาน
·        การเสียสละ
·        ความอดทนเข้มแข็ง
·        ฯลฯ

ให้ท่านพิจารณาถ้อยคำที่ให้ไว้ข้างต้น แล้วให้ความหมายการสอนคำสอนด้วยถ้อยคำของท่านเอง
_______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
พระคัมภีร์และการสอนคำสอน
นักบุญเยโรมกล่าวไว้ว่า “…การไม่รู้จักพระคัมภีร์คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” ดังนั้น เพื่อที่จะได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้าเราจะต้องอ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น ท่านได้ใช้เวลาในการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์บ่อยครั้งแค่ไหน ท่านได้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวกับพระคัมภีร์บ้างหรือไม่...ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเรียนรู้พระคัมภีร์
·       ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
·       ท่านคิดว่าท่านมีคุณสมบัติที่จะสอนคำสอนหรือไม่
·       ท่านมีเวลาเตรียมตัวในการสอนอย่างดีหรือไม่
·       ท่านสอนอะไรให้กับผู้เรียน ตัวท่านเองเป็นแบบอย่างหรือไม่
·       ท่านจะทำอย่างไรกับเรื่องที่ท่านไม่แน่ใจ หรือไม่รู้ว่าจะสอนอย่างไร
พันธกิจพื้นฐานของการสอนคำสอน (GDC, 85)
·        ส่งเสริมความรู้เรื่องความเชื่อศรัทธา
·        ให้การศึกษาเรื่องของพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์
·        ให้การฝึกอบรมเรื่องศีลธรรม
·        การสอนเรื่องการภาวนา
·        การให้การฝึกอบรมเรื่องการดำเนินชีวิตในหมู่คณะ
·        การฝึกให้เป็นธรรมทูต

·        การส่งเสริมความรู้เรื่องของความเชื่อศรัทธาหมายความว่ายิ่งคนหนึ่งได้รู้จักพระเจ้ามากเท่าใด เขายิ่งต้องการที่จะรู้จักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการสอนคำสอนจะต้องนำผู้เรียนให้ค่อยๆรู้จักพระเจ้าว่าพระองค์คือใคร และเราจะดำเนินชีวิตตามแผนการแห่งความรอดพ้นจากบาปในโลกนี้ได้อย่างไร
·        การศึกษาเรื่องพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้เราตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์เจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เราเข้าร่วมพิธีศีลมหาสนิท
·        การฝึกอบรมเรื่องศีลธรรมนั้น การกลับใจหรือการเปลี่ยนแปลงชีวิตคือการเรียนรู้การดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” ซึ่งแนวทางในการดำเนินชีวิตในพระคริสต์เจ้านั้นสรุปอยู่ในพระบัญญัติ 10 ประการและคำสอนเรื่องความสุขแท้หรือบุญลาภ 8 ประการ และค่านิยมแห่งพระวรสารต่างๆ
·        การฝึกอบรมเรื่องการภาวนา บทบาทแรกในการเริ่มต้นชีวิตภาวนาของเด็กขึ้นอยู่กับพ่อแม่ ทั้งโดยธรรมชาติและการสอนอย่างเป็นทางการ แต่ครูคำสอนสามารถช่วยเด็กๆให้รู้จักการสวดภาวนาด้วยความรู้สึก แห่งการมนัสการ สรรเสริญ ขอบพระคุณ และขอขมาโทษ ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนสานุศิษย์ให้สวดบทข้าแต่พระบิดาฯ นั้นเอง
·        การให้การศึกษาเรื่องการใช้ชีวิตในหมู่คณะเป็นเรื่องที่พูดถึงความจำเป็นเพื่อการเรียนรู้ชีวิตทางสังคมและค่านิยมของสังคม เช่น การเคารพสิทธิของผู้อื่น การใช้อำนาจ การทำเพื่อความดีของส่วนรวม การให้อภัย และความรักฉันพี่น้อง การสอนคำสอนจะให้ความสำคัญกับเรื่องของศาสนสัมพันธ์และเสรีภาพในการนับถือศาสนา ส่งเสริมให้เกิดความเคารพและความรักกันฉันพี่น้องต่อเพื่อนพี่น้องในศาสนาและนิกายต่างๆ
·        คำสอนเพื่อส่งเสริมงานธรรมทูต เป็นการสนับสนุนและฝึกอบรมเพื่อให้ศิษย์ของพระเยซูเจ้าดำเนินชีวิตที่ดีในสังคมเพื่อเป็นการประกาศศาสนาด้วยการดำเนินชีวิตที่ดี และด้วยคำพูดที่เหมาะสม
พันธกิจข้อใดที่ท่านสามารถกระทำได้ดีที่สุด งานใดที่ท่านยังรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีนัก งานด้านใดที่ท่านต้องการการพัฒนา เชิญพูดคุยกับผู้นำของท่าน หรือคุยกับเพื่อนๆของท่าน
____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ข้อแนะนำในการสอนคำสอน
โปรดจำให้ขึ้นใจ
·       จงภาวนา
·       จงรู้จักจุดดีในการสอนของท่าน
·       จงรู้จักผู้เรียนของท่าน
·       จงใช้เทคนิคการสอนที่หลายหลาก
·       จงใช้อุปกรณ์การสอนที่เหมาะสมกับเรื่อง
·       จงภาวนา

และพูดอีกนัยหนึ่งคือ....
-          จงนำเอาจุดเด่นของท่านออกมาใช้ในการสอนคำสอน
-          จงรู้ถึงความสามารถและข้อบกพร่องของนักเรียนของท่าน
-          จงดึงเอาจุดเด่นของผู้เรียนออกมาใช้เพื่อส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น
-          ผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาต้องการรูปแบบการสอนที่แตกต่างกัน
-          การเตรียมการสอนและการภาวนาเพื่อของพระจิตเจ้าทรงนำทางเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด


เชิญเขียนข้อตั้งในของท่านเพื่อการสอนคำสอนที่ดีกว่า
เชิญให้ความเห็นกับคำถามต่อไปนี้
1.             พระพรที่ท่านสามารถนำมาใช้ในการสอนคำสอนของท่านคืออะไร
______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
2.             ฉันจะใช้พระพรต่างๆที่ฉันมีในการเป็นครูคำสอนได้อย่างไร
_______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
3.             การเป็นครูคำสอนสำหรับตัวฉันเองหมายความว่าอย่างไร
_______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
* โปรดแบ่งปันคำตอบของท่านกับผู้นำหรือผู้รับผิดชอบงานคำสอนของท่าน

ขอบคุณผู้ร่วมงานที่ดีของพระเจ้า
เมื่อมีข้อสงสัยประการใด ให้อ่าน มัทธิว 25:14-30




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น