ข้อแนะนำเชิงหลักการทางเทววิทยา
1. การออกแบบการจัดค่ายคำสอนและการฟื้นฟูจิตใจควรที่จะเป็นโอกาสให้เยาวชนได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซูเจ้า
กิจกรรมต่างๆควรที่จะเน้นให้พวกเขาได้เป็นสานุศิษย์ที่ดีของพระองค์ในชุมชนที่พวกเขาสังกัด
เช่น การเป็นสมาชิกหรือลูกวัดที่กระตือรือร้น
การกล้าที่จะแสดงตนและประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์
2. การจัดค่ายคำสอนและการฟื้นฟูจิตใจ
เป็นพันธกิจด้านงานอภิบาลของพระศาสนจักร ซึ่งได้แก่
การประกาศข่าวดีหรือคำสอนของพระเยซูคริสต์
การให้การฝึกอบรมชุมชนคริสตชนให้เข้มแข็ง การเปิดโอกาสให้สมาชิกของพระศาสนจักรได้คิดไตร่ตรองถึงคำถามของชีวิตด้วยแสงสว่างจากคำสอนของพระเยซูเจ้า(พระคัมภีร์)
จากคำอธิบายของพระศาสนจักร จากขนมธรรมเนียมประเพณี และโดยการท้าทายให้สมาชิกที่เข้าค่ายหรือการฟื้นฟูจิตใจให้ตอบสนองต่อคำสอนของพระเยซูคริสต์ด้วยความกระตือรือร้น
3. เนื้อหาของคำสอนสำหรับเยาวชนควรนำมาจากคำสอนทางการของพระศาสนจักร
4. การภาวนา ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของพิธีกรรม
การภาวนาเป็นหมู่คณะ และการภาวนาส่วนตัว เป็นหัวใจของการจัดค่ายและการฟื้นฟูจิตใจ
การภาวนาเปิดโอกาสให้สมาชิกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการเสริมสร้างความเชื่ออย่างต่อเนื่อง
5. การเข้าค่ายและการฟื้นฟูจิตใจเยาวชนควรจัดพิธีกรรมต่างๆให้มีชีวิตชีวา
แต่ต้องให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของพิธีกรรมเองและข้อกำหนดของสังฆมณฑล ควรจัดให้ตรงตามเทศกาลของพิธีกรรม
ให้เวลากับการรวมพิธีกรรม และการมีส่วนร่วมของสมาชิก
ข้อแนะนำเชิงปฏิบัติ
1. การเข้าค่ายหรือการฟื้นฟูจิตใจควรให้โอกาสเยาวชนได้มีเวลาคิดทบทวนถึงประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกถึงความรักความภูมิใจในชีวิตของตนเอง สำนึกว่าชีวิตตนมีประโยชน์และมีความหมาย
2. บรรยากาศควรที่จะเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับกันและกัน
การพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้า และอิสรภาพ
ควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่ใช้อารมณ์เข้าตัดสิน
3. การเข้าค่ายและการฟื้นฟูจิตใจควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงออกและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่หลายหลากของแต่ละคน
4. ควรคำนึงถึงมิติด้านจิตวิทยาของผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย
ไม่ว่าจะจัดกิจกรรมใด ต้องดูความเหมาะสมของเพศ วัย ความปลอดภัย สุขภาวะ การพักผ่อน
อาหารการกิน ฯลฯ
5. การให้โอกาสเยาวชนได้แบ่งปันประสบการณ์คริสตชนของพวกเขาเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเยาวชนด้วยกัน
เป็นการแสดงตนเป็นประจักษ์พยานต่อความเชื่อ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ที่ได้รับมาจากศีลล้างบาปและศีลกำลัง
เป็นการทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวดีหรือธรรมทูตของพระเยซูคริสต์
6. การเข้าค่ายและการฟื้นฟูจิตใจเป็นพันธกิจประการหนึ่งของกระบวนการถ่ายทอดความเชื่อของพระศาสนจักร
ดังนั้น วัดแต่ละวัดควรจัดเตรียมและติดตามหลักจากที่สมาชิกของตนได้มาเข้าค่ายหรือการฟื้นฟูจิตใจ
นี้เป็นพันธกิจสำคัญในส่วนของวัด
หลักสำหรับการจัดเนื้อหาและกระบวนการ
1. ควรเริ่มต้นจากประสบการณ์ชีวิต
เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเยาวชนจะต้องนำมาเชื่อมโยงและพิจารณาในหลักตามคำสอนของพระเยซูเจ้า
2. การออกแบบและองค์ประกอบต่างๆของการเข้าค่ายและการฟื้นฟูฯ
ควรพิจารณาตามพื้นฐานขั้นตอนการพัฒนาดังนี้
ก.
พัฒนาการด้านจิตใจของผู้เข้าค่ายและฟื้นฟูฯ
ข.
การพัฒนาด้านสังคม
ค.
การพัฒนาด้านสติปัญญา
ง.
การพัฒนาด้านศีลธรรม
จ.
การพัฒนาด้านความเชื่อ
3. เนื้อหาควรเหมาะสมกับกลุ่มอายุของเยาวชนที่แตกต่างกัน
เนื้อหาควรสอดคล้องกับหัวข้อของการเข้าค่ายฯหรือฟื้นฟูฯ
4. กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมกลุ่มต่างๆ เช่น
การแบ่งปันในกลุ่มย่อย เกม กิจกรรมการเคลื่อนไหว
ควรนำมาใช้เพื่อให้สมาชิกเกิดความตื่นตัวและพร้อมที่จะเรียนรู้
5. การใช้เรื่องเล่า การแบ่งปันความเชื่อ
และการเป็นประจักษ์พยานชีวิตส่วนตัว
ควรได้รับความเคารพในฐานะที่เป็นเครื่องมือสื่อให้เห็นถึงคำสอนที่มีชีวิต
จับต้องได้
6. กระบวนการในการนำเสนอคำสอนสำหรับเยาวชน
ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ คือ ประสบการณ์ หลักคำสอน
การไตร่ตรอง และการปฏิบัติ
ข้อแนะนำสำหรับรายละเอียดบางประการเพื่อให้การเข้าค่ายและการฟื้นฟูบังเกิดผลดี
ด้านกายภาพ
· นอนหลับอย่างเพียงพอ
· พักผ่อนอย่างเพียงพอ
· อาหารที่เหมาะสม
· ให้อยู่กับธรรมชาติและกลางแจ้ง (ถ้าเป็นไปได้)
ด้านจิตใจ
· การจัดพิธีกรรม อันดับแรกคือพิธีมิสซาฯ การรับศีลอภัยบาป
การภาวนาส่วนรวม การภาวนาส่วนตัว การมีเวลาเงียบส่วนตัว การพิจารณามโนธรรม
การอ่านพระคัมภีร์
ด้านจิตวิทยาและด้านสังคม
· จัดให้มีเวลาส่วนตัวและส่วนรวมอย่างเหมาะสม
· มีโอกาสได้ปรึกษาส่วนตัวกับผู้นำ
· มีเวลาทบทวนชีวิตของตนเอง
· มีการเสริมสร้างชีวิตหมู่คณะ
· เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมและในชีวิตของชาวค่ายหรือการฟื้นฟูฯ
· มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออก
· มีการนำเสนอความรู้ในรูปแบบต่างๆ
· มีการอภิปรายและแบ่งปันประสบการณ์
กิจกรรมสนับสนุน
· จัดให้มีการเตรียมการจัดค่ายๆหรือฟื้นฟู เช่น การประชุม
การฝึกอบรมผู้ร่วมงาน
· มีกระบวนการติดตามผล
· มีการประเมินผลทีมงานและผู้เข้าค่ายฯ
· มีการฝึกอบรมทีมงาน
รวมถึงการวางแผนและการจัดโปรแกรมต่างๆ
ขอให้ทุกคนสนุกกับงาน – คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ
ข้อมูลจาก
Ekstrom. (1991). Retreats. New Rochelle NY: Don
Bosco Multimedia. pg. 116-117.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น